วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555


หลายๆคนอัพเกรด iOS 6 แล้วพบปัญหากวนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถว แผนที่ Apple Maps รวมไปถึง “แบตเตอรี่หมดเร็ว” ทางแก้ของเราตอนนี้คือการทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ประหยัดแบตให้มากที่สุด และอาจจะต้องพึ่งแบตเตอรี่พกพาเพื่อชาร์จอุปกรณ์ iOS ขณะอยู่ข้างนอก เรามีคำแนะนำในการประหยัดแบตเตอรี่มาฝาก
ปัญหาเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง เป็นปัญหาที่บ่นกันทุกครั้งที่ Apple ออก iOS เวอร์ชั่นใหม่ และเมื่อ iOS 6 และ iPhone 5 ออกวางจำหน่ายในหลายๆประเทศ (ในประเทศไทยจะมีจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้)
วิธีการที่เราจะแนะนำก็คือ การปิดคุณสมบัติที่ไม่จำเป็นในการใช้งาน เพราะแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้งาน บางคุณสมบัติก็มีการรันแบบแบล็คกราวน์ คุณสามารถเลือกปิดในบางคุณสมบัติหากไม่ได้มีการใช้งาน และเปิดเมื่อต้องการใช้งาน เพื่อยืดระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น
1) ปิดการเชื่อมต่อทุกอย่างที่ไม่ได้จำเป็นในการใช้งาน
ปิดการเชื่อมต่อ Cellular Data ที่ไม่จำเป็น 3G, 4G (หากตัวเครื่องรองรับ) ปิด Wi-Fi, Bluetooth, Data Roaming, Personal Hotspot หากไม่ได้มีการใช้งาน ส่วนใครที่ชอบเลือก Wi-Fi ให้จับสัญญาณอัตโนมัติ ให้ปิดไว้เลย หากต้องการใช้งานจริงๆค่อยเปิด ส่วนใครที่ใช้ iPhone 5 แนะนำให้ปิด LTE รวมไปถึงการปิด Facetime ด้วย
2) ปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างที่ไม่จำเป็น
ตอนแรกๆหลายๆคนก็ชอบกับการแจ้งเตือน เวลามีคนมาคอมเมนต์ มากด like ใน instagram แต่รู้ไหมว่า ตอนนี้หลายๆคนมีทั้ง Line, Whatsapp, Twitter, Instagram, Path ยิ่งสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ ปิดการแจ้งเตือนให้หมด รวมไปถึง Facebook ด้วย และหากคุณไม่ใช่คนที่ใช้งาน Facebook ตลอดเวลา ในช่วงเวลาเรียน ทำงาน อาจจะล็อกเอ้าท์ออก กลางคืนกลับบ้านค่อยล็อกอินเข้าใช้งานก็ช่วยประหยัดแบตได้มาก เพราะถึงแม้ว่าคุณไม่ได้เปิดใช้งาน แอพอย่าง twitter ก็มีการตรวจสอบข้อความใหม่ มีการถ่ายโอนข้อมูลซึ่งมีผลกับแบตเตอรี่
2.1 ปิดการแจ้งเตือนจากแอพ
เข้าไปที่เมนู Setting ของแอพ และตั้งค่ากำหนด Notification เอง เพราะบางแอพจะมีให้เลือกปิดการแจ้งเตือนจากแอพ ในตัวอย่างเป็นการปิดการแจ้งเตือน Whatsapp, Facebook โดยกำหนดค่าในแอพ
3) ปิดการแจ้ง Push Mail
บางครั้งการรออีเมล์สำคัญก็จำเป็น แต่หากคุณไมได้ทำงานที่ต้องเฝ้ารออีเมล์อย่างเร่งด่วน รีบตอบอีเมล์เดี๋ยวนั้น การปิดการแจ้งเตือน Push ทำให้ช่วยประหยัดแบตได้มาก เพราะตอนนี้หลายๆคนก็ใช้หลายบัญชีอีเมล์ ยิ่ง Push ยิ่งเปลืองแบต โดยตั้งค่า Setting > Mail, Contacts, Calendar > Fetch New Data เลือก Off หรือเลือก Advance เพื่อกำหนดให้ Push เฉพาะบัญชีอีเมล์สำคัญเท่านั้น
4) ปิด Auto Lock หน้าจอ, ลดความสว่างแสงหน้าจอ
5) ใช้ Readling List
วิธีนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเซฟแบตโดยตรง แต่เราสามารถดาวน์โหลดเว็บไซต์ทั้งเว็บ เก็บไว้ดูตอนที่ไม่มีการเชื่อมต่อได้ หากเราปิด 3G หรือปิด Data บน iOS 6 สามารถอ่านหน้าเว็บแบบออฟไลน์ คือไม่ต้องต่อเน็ต เช่น การอ่านบทความยาวๆ กระทู้ยาวๆ ในภาพลองเปิดเว็บไซต์ IT24hrs.com แล้วเลือก Add to Reading List จากนั้นเปิด Airplane Mode แล้วอ่านหน้าเว็บได้เลยโดยไม่ต้องต่อเน็ต
สำหรับวิธีสุดท้าย ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ นั่นคือซื้อแบตเตอรี่ต่อภายนอกเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นแบบพกพา แบบเสียบด้านล่างของอุปกรณ์ iOS หรือแบบเป็นเคสพร้อมแบตเตอรี่ในตัว
(c) : http://www.it24hrs.com/2012/how-to-save-battery-life-on-ios-6-iphone-5/

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นๆ ที่ iDevice จะได้รับเมื่ออัพเดท iOS 6


หลังจากที่เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 19 กันยายนแอปเปิลได้ปล่อยให้ผู้ใช้งาน iDevice อัพเดทเป็น iOS 6
สร้างความตื่นเต้นและเป็นที่พูดถึงของผู้คนบนโลกออนไลน์มากมาย เชื่อว่าตอนนี้ผู้ใช้งานหลายคนคงอัพเดท
เป็น iOS 6 กันไปบ้างแล้ว สำหรับใครที่อัพเดทแล้วไม่ทราบว่า iPhone, iPad หรือ iPod Touch จะใช้งาน
ฟีเจอร์อะไรได้บ้างและมีฟีเจอร์ตัวไหนที่ไม่สามารถใช้งานได้ เว็บไซต์ Techcrunch ได้รวบรวมและทำออก
มาเป็นตารางแสดงคุณสมบัติต่างๆ ที่ iDevice แต่ละรุ่นจะสามารถใช้งานได้ โดยสรุปเอามาเฉพาะฟีเจอร์เด่นๆ

(c) : http://www.108blog.net/archives/7741

เรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 และวิธีอัพเดท iOS 6 แบบ OTA [ลิงก์ดาวน์โหลด]


แอปเปิลมีกำหนดปล่อย iOS 6 ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสตามเวลาในประเทศไทย
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนที่ใช้งาน iPhone และ iPad กำลังรอคอยการอัพเดทและได้สัมผัสกับระบบปฏิบัติการบน
สมาร์ทโฟนตัวล่าสุดตัวนี้อย่างแน่นอน สำหรับ iOS 6 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่มากถึง 200 ฟีเจอร์ ส่วนด้านราย
ละเอียดต่างๆ ทางแอปเปิลได้พรีวิวให้ดูแล้วในงานเปิดตัว New iPad ที่ผ่านมา และหลายคนที่ได้ทดลองใช้งาน
เวอร์ชั่น Beta คงทราบถึงฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว วันนี้จึงขอแนะนำสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ที่ต้องการ
อัพเดท iOS จากเวอร์ชั่นอื่นๆ เป็น iOS 6 กับเรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 ติดตามได้เลยครับ
เรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 
  • iOS 6 สามารถอัพเดทได้บน iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPod Touch 4th Gen, iPad 2 และ
    The new iPad ต้องเป็นเครื่องแบบ Official unlocked ที่ซื้อจาก True, AIS, Dtac หรือ Apple Store Thai
  • iOS 6 จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดไทย 4 แถวเป็นค่ามาตรฐาน หากใครยังชอบหรือยึดติดกับคีย์บอร์ดไทย 3 แถว
    แนะนำว่าไม่ควรอัพเดทหรืออาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในการพิมพ์สักระยะ
  • iOS 6 ไม่มีแอพฯ ดู Youtube มาให้แล้ว ซึ่งปกติใน iOS เวอร์ชั่นอื่นๆ จะมีแอพฯ Youtube มาให้เป็นแอพฯ พื้นฐาน
    หลังจากแอปเปิลทำ iOS 6 และหมดสัญญากับทางกูเกิล แอปเปิลก็เลยเอาแอพฯ Youtube ออก แต่ไม่ต้องตกใจ
    เพราะทางกูเกิลได้ออกแอพฯ ดู Youtube สำหรับ iPhone และ iPod Touch แล้วฟรี!
  • iOS 6 ไม่มีแอพฯ ดูแผนที่จาก Google Maps คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ไม่มีแอพฯ Youtube ซึ่งบน iOS 6 แอปเปิล
    ได้ใช้แอพฯ แผนที่ที่พัฒนาขึ้นมาเองและรองรับการใช้งานแบบ 3 มิติด้วย ซึ่งการใช้งานในประเทศไทยยังทำงานได้
    ไม่ดีเท่าไหร่นัก
  • iOS 6 มีการอินทิเกรท Facebook และ Twitter สามารถโพสต์และทวีตเพียงเลื่อน Notifications ลงมา
  • iOS 6 มีปรับปรุงให้ Siri ฉลาดขึ้นสามารถถามผลการแข่งขันกีฬา หาร้านอาหารได้ รอบหนัง แต่เมืองไทย Siri เป็น
    ฟีเจอร์ที่คนใช้งานน้อยมาก (ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ)
  • iOS 6 ใช้งาน FaceTime ผ่าน 3G ได้แล้ว เฉพาะ iPhone 4S, iPhone 5 และ The new iPad
  • iOS 6 เพิ่มแอพฯ Passbook เป็นระบบตั๋วคูปองพกพาแอพฯ เดียวอยู่ แต่ก็เป็นอีกแอพฯ ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ในไทย
  • iOS 6 ปรับปรุงแอพฯ โทรศัพท์ใหม่ (Phone) เพิ่มวิธีรับสายแบบใหม่ โดยการลากขึ้นด้านบนเหมือนกับเปิดกล้องจากหน้า
    ล็อกสกรีน และเพิ่มเมนูช่วยเตือนให้โทรกลับภายหลัง หรือส่งข้อความแทนการรับสายได้
  • iOS 6 ฟีเจอร์ Do Not Disturb ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ (ชอบมาก) คือปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะไม่มีการแจ้งเตือนมา
    รบกวน (ใช้กรณีที่ต้องการพักผ่อนหรือตอนนอนหลับ) โดยการแจ้งเตือนต่าง ๆ ยังคงเคลื่อนไหวตามปกติ เพียงแต่จะ
    ไม่แสดงผลให้เราทราบนั้นเอง
  • App Store ดีไซน์ใหม่ สามารถกดไลค์ แชร์แอพฯ ที่น่าสนใจไปยัง Facebook ได้
  • แชร์รูปภาพที่ต้องการใน Photo Streams ให้เพื่อนได้ผ่าน iCloud ได้
  • เพิ่มเมนูแชร์ไอคอนต่างๆ เช่น ต้องการแชร์ไปเฟซบุ๊กก็มีไอคอนเฟซบุ๊ก คล้ายๆ กับของ Android
  • iOS 6 ปรับปรุงการถ่ายภาพและมาพร้อมกับฟีเจอร์ Panorama ถ่ายภาพพาโนรามาเหมือน iPhone 5
  • ปรับปรุง Safari อ่านเว็บแบบออฟไลน์ได้ และเพิ่มฟีเจอร์ Smart app banners สำหรับแนะนำแอพฯ จากหน้าเว็บที่
    เปิดอยู่ หรือซิงก์การทำงานนั้นไปยังแอพฯ ได้และเพิ่ม iCloud Tabs สำหรับซิงก์แท็บที่เปิดในอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ซิงก์
    ข้อมูลจากไอโฟนผ่าน Safari ได้
  • อื่นๆ อีกมากมาย ฮ่าๆ ต้องไปลองเล่นเอาเองนะครับ อันนี้เขียนตัวที่เด่นๆ เท่านั้นนะครับ
วิธีอัพเดท iOS แบบ OTA (Over The Air) ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น (ภาพตัวอย่างเป็น iOS Beta 3)
  • ก่อนอัพ iOS 6 แนะนำให้ BackUp ข้อมูลไว้ก่อนนะครับ เผื่อเกิดข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน
  • ในกรณีที่อัพเดทผ่าน iTunes ควรอัพเดท iTunes เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนนะครับ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ 
  • เครื่องที่เจลเบรค แนะนำว่าอย่าเพิ่งอัพเดท ควรรอเวอร์ชั่นเจลเบรคนะครับ
  • อย่าลืมเช็คพื้นที่บน iPhone, iPad ก่อนนะครับ ว่าเหลือเพียงพอต่อการอัพเดทไหม โดยไปที่เมนู Usage
ดาวน์โหลด iOS 6 แบบลิงก์ตรงอัพผ่าน iTunes โดยกด Shift ค้างแล้วคลิก Check for Update
จากนั้นเลือกไฟล์อัพเดทที่ต้องการ
1. เปิดแอพฯ Settings (ตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Software Update (อัพเดทซอฟท์แวร์)
2. ระบบจะทำการเช็คว่ามีซอฟท์แวร์ใหม่หรือไม่ หากมีซอฟท์แวร์ใหม่ก็จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับซอฟท์แวร์ตัวใหม่
ในขั้นตอนนี้ให้แตะเลือก Download and Install
3. Terms and Conditions จะอธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดการใช้งานต่าง ๆ ให้แตะปุ่ม Agree จากนั้นจะมีข้อความแนะนำว่า
การอัพเดทซอฟท์แวร์จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน หาก iPhone เรามีแบตเตอรี่เพียงพอให้กด Continue ได้เลย แต่ถ้า
iPhone เหลือปริมาณแบตน้อยให้ทำการเสียบสายชาร์จก่อนกด Continue
4. เริ่มดาวน์โหลดไฟล์อัพเดท โดยจะมีสถานะแสดงการดาวน์โหลด เมื่อดาวน์โหลดเสร็จจะมีข้อความแสดง ให้แตะปุ่ม Install
เพื่อติดตั้งซอฟท์แวร์อัพเดท
5. หลังจากแตะปุ่ม Install จะมีข้อความ Verifying update เพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันการติดตั้ง จากนั้นหน้าจอ
iPhone ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ขั้นตอนนี้ให้รอสักครู่ ระบบกำลังทำการอัพเดทซอฟท์แวร์ใหม่ เมื่ออัพเดทเสร็จ iPhone
จะ Restart เครื่องเองและจะทำการเริ่มระบบใหม่ให้อัตโนมัติ

(c) : http://www.108blog.net/archives/7725

วิธีใช้งานฟีเจอร์ Do Not Disturb ใน iOS 6


ฟีเจอร์ Do Not Distrub มีคนขอมาให้รีวิวครับ ช้าหน่อยต้องขอโทษทีนะครับ เอ้า! งั้นมาดูกันครับว่าเอาไว้ทำอะไรและใช้งานกันอย่างไร สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ
Do Not Disturb คือ โหมดห้ามรบกวน ตั้งเพื่อไม่ให้ iPhone เตือนตลอดเวลา, บล็อคสายที่ไม่ต้องการให้โทรเข้า, เลือกช่วงเวลาได้ว่าจะเปิดโหมดนี้เมื่อไหร่

หลักการทำงานจอง Do Not Disturb

  • ปิดการแจ้งเตือนของ Notification ต่างๆ ไม่ให้แสดงออกมาที่หน้าจอ
  • กรองเบอร์โทรได้ว่าใครสามารถโทรหาได้
  • โหมดจะเริ่มทำงานหลังจากการเปิดใช้และต้องล็อคหน้าจอแล้วเท่านั้นถึงจะเห็นผล

การเปิดใช้งาน Do Not Disturb 

เปิดใช้งานไปที่ Settings > Do Not Disturb. เลือกเป็น ON จากนั้นจะเห็นไอคอนรูปพระจันทร์อยู่ใกล้ๆ กับนาฬิกา

การตั้งค่าของ Do Not Disturb

ตั้งค่าเพิ่มเติมที่ Settings> Notifications> Do Not Disturb
ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้โหมดนี้ทำงานอัตโนมัติหรือเปล่า เช่น ตั้งให้เปิดโหมดนี้ทุกวันตั้งแต่เวลา 23.00 – 7.00 น. ผลที่ได้คือ ตั้งแต่ 5 ทุ่มเป็นต้นไปหากใครโทรหาก็จะไม่ติดมันจะตัดสายให้ทันที (เว้นแต่โทรติดต่อกัน 3 ครั้งใน 3 นาที อันนี้ตั้งค่าที่ Repeated Call)
  • Scheduled คือ การตั้งเวลาว่าจะให้เปิดโหมดนี้เองแบบออโต้โดยเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเปิดได้
  • Allow Calls Fromคือ การตั้งค่าให้เบอร์ไหนสามารถโทรหาได้แม้ว่าเราเปิดโหมดนี้ พอกดเข้าไปจะเจอ
    • Everyone โทรได้ทุกคน
    • No One โทรไม่ได้ทุกคน
    • Favorites โทรได้เฉพาะรายชื่อที่เราตั้งไว้ในโหมดเบอร์สนิท
    • ทั้งนี้สามารถเลือกตาม Groups ได้ (การสร้าง Group ใน Contacts ของ iPhone)
  • Repeated Calls เปิดเพื่อหากมีใครโทรหาเราเกิน  2 ครั้งใน 3 นาทีมันจะโทรติดได้ เข้าใจว่าเผื่อกรณีที่จำเป็นจริงๆ ถ้าต้องการติดต่อ
ลองเอาไปใช้งานกันดูนะครับ
เพิ่มเติม Apple Support
(c) : http://www.iphonemod.net/using-do-not-disturb-in-ios6.html

เตรียมพร้อมก่อนอัพ iOS 6 ด้วยวิธี Backup iPhone ด้วย iTunes และ iCloud แบบ Step by step


เตรียมความพร้อมก่อนทำการอัพเดท iOS 6
แน่นอนว่า ก่อนทำการอัพเดททุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ควรจะ backup ข้อมูลไว้ก่อนเสมอครับ ซึ่งการ backup ทั้ง iPhone, iPod touch และ iPad นั้น นิยมทำกันอยู่ 2 แบบ ก็คือ backup ผ่าน iTunes และ backup ผ่าน iCloud มาดูกันว่า การ backup ทั้ง 2 วิธีนี้ มีวิธีการทำอย่างไรกันบ้าง
การ Back up ผ่านโปรแกรม iTunes
ตามปกติแล้ว เมื่อเราทำการเชื่อมต่อ iPhone, iPod touch หรือ iPad กับ iTunes ข้อมูลจะถูก sync ลงบนคอมพิวเตอร์ให้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่เราก็สามารถเพิ่มความมั่นใจ ด้วยการ backup ด้วยตัวเองได้ ดังนี้ครับ
1) ต้องแน่ใจก่อนว่า iTunes ที่ใช้ เป็นเวอร์ชั่น 10.7 แล้ว โดยสามารถตรวจสอบเวอร์ชั่นได้ที่ About iTunes
2) เสียบสาย USB เข้ากับตัวเครื่อง
3) เปิดโปรแกรม iTunes
ตรงเมนูด้านซ้าย ที่ชื่อว่า DEVICES ให้คลิ๊กขวา แล้วเลือก Back up เพื่อทำการสำรองข้อมูลในตัวเครื่องครับ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยายเป็นภาพใหญ่นะครับ)
เมื่อเราทำการสำรองข้อมูลเสร็จแล้ว ต่อไปเราจะมา backup แอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่มีในเครื่อง มาอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเรา ด้วยการคลิ๊กขวา แล้วเลือก Transfer Purchases
ในกรณีที่หลังจากได้ทำการอัพเดท iOS 6 แล้ว ข้อมูลไม่หาย ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรต่อครับ แต่สำหรับกรณีที่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค แล้วข้อมูลบนตัวเครื่องหายไปทั้งหมด เราสามารถ restore ได้โดย คลิ๊กขวา แล้วเลือก Restore from Backup ครับ
การ Back up ผ่านโปรแกรม iTunes
ก่อนที่จะทำการ backup ผ่าน iCloud นั้น จำเป็นจะต้องมี Apple ID หรือ iCloud account เสียก่อน ซึ่งสามารถสมัครได้ฟรีครับ ส่วนขั้นตอนการ backup ผ่าน iCloud สามารถทำได้ดังนี้
เข้าไปที่หน้า Settings > iCloud
โดยในหน้า iCloud นั้น จะมีให้เลือกว่า เราต้องการจะ backup ข้อมูลในส่วนใดบ้าง ถ้าอยากจะ backup ทั้งหมด ให้เลือกเป็น ON ครับ
นอกจากนี้ เรายังสามารถเช็คได้ว่า ข้อมูลที่ backup ผ่าน iCloud นี้ มีขนาดไฟล์อยู่ที่เท่าไหร่แล้ว ในเลื่อนลงมาล่างสุด แล้วเลือก Storage & Backup ครับ ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ใช้งานจะได้รับพื้นที่ iCloud ใช้งานฟรีๆ คนละ 5GB แต่ถ้าหากต้องการมากกว่านี้ จะต้องเสียเงินเพิ่มตามแพ็กเกจที่ต้องการครับ
เมื่อทำการ backup ข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามารถเช็คการอัพเดท iOS 6 แบบ OTA ได้ที่ Settings > General > Software Update ซึ่งภายในหน้านั้น จะมีให้ดาวน์โหลดและ Install ครับ ขนาดไฟล์ประมาณ 600-700MB ฉะนั้น ขณะที่ทำการอัพเดท จำเป็นต้องเสียบสายชาร์ตไว้เสมอนะครับ เนื่องจาก Apple จะไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ต่ำ อัพเดทได้
ส่วนท่านใดที่เช็คแล้ว ยังไม่เห็นการแจ้งเตือนให้อัพเดท iOS 6 อย่าเพิ่งตกใจครับ เนื่องจากช่วงนี้มีผู้อัพเดทเป็นจำนวนมากนั่นเอง ส่วนท่านที่ดาวน์โหลด iOS 6 เสร็จแล้ว สามารถ Install ได้ตามขั้นตอนที่กำหนดได้เลยครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ตัดสินใจอัพเดท หรือท่านใดที่อยากทราบว่าหลังจากอัพเดทไปแล้ว iOS 6 มีอะไรใหม่บ้างมาดูไปพร้อมๆ กันนะครับ
สรุปข้อมูล Feature ใหม่ใน iOS 6
iOS 6 ใช้ Apple Maps แทน Google Maps
Apple Maps
จากระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่นก่อนๆ ที่ต้องอาศัย Google Maps เป็นแผนที่นำทาง ในที่สุด Apple ก็สามารถพัฒนาแผนที่ของตัวเองได้สำเร็จแบบไม่ต้องง้อ Google Maps อีกต่อไปครับ โดยใช้ชื่อว่า Apple Maps ซึ่งมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- Apple Maps นั้น ออกแบบโดยใช้พื้นฐานของ Vector ที่ให้ภาพกราฟฟิคที่สมจริง มีรายละเอียดที่ชัดเจน สามารถ pan เพื่อขยายหรือซูมแผนที่ได้ นอกจากนี้ Apple Maps ยังแสดงแผนที่แบบทุกมุมมองครับ สามารถหมุนแผนที่ไปตามทิศทางที่ต้องการได้
- มองเห็นชื่อถนน หรือชื่อสถานที่ได้อย่างชัดเจน
- ค้นหาเส้นทางได้ง่ายขึ้น ด้วยระบบนำทาง Turn-by-turn Navigation กับการบอกเส้นทางด้วยเสียงพูด และภาพ 3 มิติ (ฟีเจอร์นี้ สามารถใช้งานได้ในประเทศไทย)
- Apple Maps สามารถแสดงสภาพการจราจรแบบเรียล-ไทม์ ในเส้นทางที่เราต้องการจะเดินทางไปได้อีกด้วยครับ ซึ่งถ้าหากพบว่า เส้นทางดังกล่าวนั้น มีสภาพการจราจรที่ติดขัด Apple Maps จะเสนอเส้นทางใหม่ที่ดีกว่าให้
- Flyover ระบบแสดงแผนที่แบบเสมือนจริง แบบ 3 มิติ โดยเป็นมุมมองจากภาพบนอากาศ สามารถซูม หมุน หรือขยายได้ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเราเดินทางไปสถานที่นั้นจริงๆ ครับ
- Apple Maps เชื่อมต่อโดยตรงกับ Siri โดยผู้ใช้งาน สามารถเปิดใช้งาน Siri เพื่อให้คำนวณหาเส้นทางที่ต้องการจะไปได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องเปิด Apple Maps เพื่อพิมพ์เองครับ
- แสดงข้อมูลเฉพาะ พร้อมรูปภาพประกอบ และรายละเอียดอื่นๆ ของสถานที่ที่ต้องการจะไปได้ โดยการกดที่ pin แล้วแสดงรายละเอียดครับ ซึ่งในรายละเอียดนั้น นอกจากจะมีที่อยู่ของสถานที่นั้นๆ แล้ว ยังมีเบอร์โทรศัพท์ให้เรากดโทรออกเพื่อติดต่อได้เลยทันที นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Turn-by-turn Navigation คำนวณเส้นทางได้เลยอีกด้วย
Apple Maps กับ UI ที่ใช้งานง่าย และไม่ซับซ้อน
Turn-by-turn Navigation ระบบนำทางด้วยเสียง
แสดงสภาพการจราจรแบบเรียล-ไทม์
Flyover มุมมองภาพเสมือนจริงแบบ 3 มิติ
เชื่อมต่อตรงกับ Siri เพื่อให้ค้นหาเส้นทางได้เลยทันที
จะกินข้าว ดูหนัง ดูผลการแข่งขันกีฬา ให้ถาม Siri
จากความสามารถของ Siri แบบเดิมๆ ในการสอบถามเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศ สั่งให้โทรศัพท์ เล่นเพลง สอบถามสภาพหุ้น ตั้งนาฬิกาปลุก ตั้งหมายกำหนดการ ตั้งการแจ้งเตือน หาเส้นทาง ตอนนี้ Siri ได้เพิ่มความสามารถขึ้นมาอีก 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งได้แก่
ต้อนรับกระแสของกีฬาโอลิมปิก และบอลยูโร ด้วยการสอบถามผลการแข่งขันกีฬา ทั้งเบสบอล บาสเกตบอลล ฟุตบอล ซอกเกอร์ และฮอกกี้ กับการรายงานผลการแข่งขันล่าสุด สอบถามข้อมูลของผู้เล่น ข้อมูลสถิติของผู้เล่น และฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น
สอบถาม Siri เกี่ยวกับช่วงเวลาฉายของภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ หรือค้นหา trailer หนังเรื่องโปรด ผลคะแนนโหวต และรีวิว (อ้างอิงจาก Rotten Tomatoes) นอกจากนี้ ยังสามารถค้นหาภาพยนตร์ ที่มีนักแสดงคนโปรดเข้าร่วมแสดงได้อีกด้วย
หมดปัญหากับคำถามที่ว่า "จะกินอะไรกันดี" กับความสามารถใหม่ของ Siri ในการค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในละแวกนั้น ซึ่งจะมีทั้งรายละเอียดของร้านอาหาร รูปภาพ เรตติ้ง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รีวิว และการสั่งจองโต๊ะ ให้เลือกเพื่อตัดสินใจอีกด้วย
นอกจาก Siri จะมีความสามารถเพิ่มขึ้น 3 อย่างข้างต้นแล้ว ยังได้มีการเพิ่มเติม และปรับปรุงการใช้งานในด้านอื่นๆ ด้วย ดังนี้
- สั่งให้ Siri โพสข้อความลง Facebook หรือ Twitter แทนได้
- สั่งให้ Siri เปิดแอพพลิเคชั่นที่ต้องการได้ เช่น อยากเล่นเกม Angry Birds ก็สั่งว่า Open Angry Birds เป็นต้นครับ
- Eyes Free เทคโนโลยีใหม่ ที่เชื่อมต่อการใช้งาน Siri ให้เข้ากับรถยนต์ โดย Apple ได้ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังหลายยี่ห้อ ในการสร้างปุ่มพิเศษบนพวงมาลัยรถ สำหรับกดใช้งาน Siri โดยเฉพาะครับ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนา คาดว่าประมาณปีหน้า คงได้เห็นกัน
เชื่อมต่อ Facebook เข้ากับ iOS 6
ในที่สุด iOS 6 ได้เชื่อมต่อเข้ากับโซเชี่ยลออนไลน์ชื่อดังอย่าง Facebook เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการใช้งานที่น่าสนใจ ดังนี้
- สามารถแชร์ภาพลง Facebook ได้โดยตรง จากแอพพลิเคชั่น Photos
- โพสตำแหน่งของผู้ใช้งานได้โดยตรง จาก Apple Maps
- แชร์คะแนนสูงสุดที่ทำได้ จาก Game Center
- เชื่อมต่ออีเวนท์ต่างๆ เช่น นัดมีตติ้ง หรือวันเกิดเพื่อน จาก Facebook สู่ Calendar
- โปรไฟล์ของเพื่อนใน Facebook จะถูกเชื่อมต่อเข้าโดยตรงใน Contacts ซึ่งเมื่อเพื่อนมีการอัพเดทอีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรืออื่นๆ ตรง Contacts ก็จะถูกอัพเดทไปด้วย
- ก่อนจะเข้าใช้งานในส่วนนี้ จำเป็นที่จะต้อง Sign in ก่อนครับ
- เพิ่มปุ่ม Like ใน iTunes และ App Store
iOS 6 สามารถแชร์รูปภาพจาก Photo Streams ได้แล้ว
Photo Streams เปรียบเสมือนสังคมหนึ่งของ Apple ที่มีไว้แชร์รูปภาพ (คล้ายๆ สังคมของ Instagram ครับ) ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
- เลือกรูปภาพที่ต้องการจากแอพพลิเคชั่น Photos แล้วกดแชร์
- สามารถแท็คเพื่อนที่อยู่ในภาพได้ และเลือกได้ว่า ต้องการจะแชร์ให้ใครบ้าง
- ถ้าหากเพื่อนที่ถูก tag ใช้ iCloud อยู่แล้ว ภาพดังกล่าว จะเข้าไปอยู่ในแอพพลิเคชั่น Photos ทันที แต่ถ้าหากเพื่อนไม่ได้ใช้อุปกรณ์ iOS สามารถดูผ่านเว็บไซต์ได้
- สามารถดูภาพบน Photo Streams ผ่าน Apple TV ได้
- สามารถกด Like หรือคอมเมนต์ได้
- การแชร์ภาพจาก Photo Streams นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่บน iCloud
- Photo Streams สามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้
Passbook แหล่งรวมตั๋ว boarding pass การ์ด และคูปองในที่เดียว
สำหรับแอพพลิเคชั่น Passbook มีประโยชน์อย่างมาก สำหรับคนขี้ลืม หรือทำบัตร คูปอง หายบ่อยๆ ครับ โดย Passbook มีการใช้งานที่น่าสนใจ ดังนี้
- รวมเอา boarding pass, ตั๋วหนัง, คูปองส่วนลด, บัตรที่รับสิทธิพิเศษต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ไว้ในที่เดียว
- สามารถนำ iPhone หรือ iPod Touch เข้าสแกน เพื่อเช็คอินขึ้นเครื่อง, เข้าดูภาพยนตร์ หรือรับส่วนลดต่างๆ
- สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ว่า คูปองหมดอายุเมื่อไหร่ บัตรคอนเสิร์ตนั่งตำแหน่งไหน หรือยอดคงเหลือบนบัตร (เหมาะสำหรับบัตรร้านกาแฟ)
- การแจ้งเตือน และข้อมูลต่างๆ บน Passbook จะปรากฎทันทีในหน้า Lock screen
- ถ้าหากมีการเปลี่ยน gate กระทันหัน หลังจากที่เช็คอินไปแล้ว Passbook จะทำการอัพเดทข้อมูล gate ใหม่ให้อัตโนมัติด้วย
สามารถใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้แล้ว
ตอนนี้ ผู้ใช้งานทั้ง iPhone, iPod Touch และ iPad สามารถใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้ง 3G และ 4G ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่ได้สมัครด้วย
หมดกังวลเรื่องรับสายไม่ได้ ด้วยการส่งข้อความกลับไป หรือแจ้งเตือนในภายหลัง
สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ฟังก์ชั่นการใช้งานด้านโทรศัพท์ ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ iOS 6 จึงได้เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน ด้วยการส่งข้อความตอบกลับ ในกรณีที่รับสายไม่ได้ หรือแจ้งเตือนให้โทรศัพท์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ครับ
- ในกรณีที่มีสายเรียกเข้า แต่ไม่สะดวกที่จะรับสาย เช่น ติดประชุม สามารถปฏิเสธการรับสายได้ ด้วยการส่งข้อความกลับไปหา ซึ่งมีทั้งข้อความแบบ default และข้อความส่วนตัวที่ตั้งขึ้นมาเองได้ หรือ สามารถแจ้งเตือนให้โทรกลับในภายหลัง
- ฟีเจอร์ Do Not Disturb สามารถตั้งให้โทรศัพท์ระงับการแสดงเสียงเรียกเข้า หรือข้อความแจ้งเตือนได้ ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือพักผ่อน แต่ก็สามารถเลือกแสดงแบบรายบุคคลได้เช่นกัน
แจ้งเตือนให้โทรกลับหมายเลขที่ไม่ได้รับสาย
ฟีเจอร์ Do Not Disturb
ไม่พลาดการติดต่อจากบุคคลสำคัญบนอีเมล ด้วย VIP
นอกจากความสำคัญด้านโทรศัพท์ จะเป็นปัจจัยสำคัญแล้ว อีเมล ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกันครับ เนื่องจากเป็นอีกวิธีติดต่อสื่อสารอีกทางหนึ่ง โดย Mail ได้มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
- ออกแบบใหม่เพื่อให้ใช้งานได้ง่าย เขียนง่าย และอ่านง่ายขึ้น
- สามารถตั้ง VIP list กับบุคคลที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ เช่น พ่อแม่ หัวหน้า หรืออีเมลจากธนาคาร
- หน้ารีเฟรช Inbox แบบใหม่ โดยการดึงจากบนลงล่าง แทนการกดปุ่ม refresh แบบเดิมๆ
- เพิ่ม tab การ attach ภาพถ่าย หรือวิดีโอ ได้โดยตรงจากหน้า mail ทำได้โดยการกดค้าง แล้วเลือก Insert Photo or Video ครับ
เพิ่มไอคอน iCloud บน Safari
Apple ได้ดึงเอาความสามารถของ iCloud มาอยุ่บน Safari แล้วเช่นกันครับ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการใช้งานด้านอื่นๆ ของ Safari อีกด้วย ดังนี้
- iCloud Tabs จะดึงเอาข้อมูลที่ผู้ใช้งานเปิดดูเว็บไซต์จากอุปกรณ์อื่นๆ เช่น iPhone, iPad, iPod Touch หรือ Macs มารวมไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเปิดจากอุปกรณ์ใดก็ตาม เราก็จะสามารถทราบได้ว่า ที่ผ่านมานั้น เราเปิดเว็บไซต์อะไรไปบ้าง และเปิดจากอุปกรณ์อะไร
- สามารถเซฟหน้าเว็บเพจแบบ Reading List เพื่ออ่านแบบออฟไลน์ ในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
- สามารถดึงรูปจาก Camera Roll หรือกดถ่ายรูปใหม่ เพื่อโพสลงเว็บไซต์โปรดได้
- ถ้าหากต้องการดูภาพแบบเต็มจอ ให้เปลี่ยนใช้งาน iPhone, iPad หรือ iPod Touch เป็นแนวนอน แล้วกดไอคอน full screen
Accessibility แอพพลิเคชั่นพิเศษ สำหรับผู้พิการ หรือมีปัญหาบกพร่องทางร่างกาย
นอกจาก iOS 6 จะถูกออกแบบมาสำหรับบุคคลที่มีร่างกายปกติแล้ว ผู้ที่มีความผิดปกติของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งการได้ยิน, การมองเห็น, การเรียนรู้ และการเคลื่อนไหว สามารถใช้งาน iOS 6 ได้ด้้วยเช่นกัน โดยได้มีแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกมาแบบเป็นพิเศษ เพื่อสร้างการเรียนรู้ครับ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
- Guide Access ช่วยเหลือเด็กที่เป็นออทิสติก โดยเน้นไปที่การเรียนรู้เฉพาะด้าน หรือเรียนรู้สิ่งที่จำเป็น
- VoiceOver สำหรับผู้ที่บกพร่องการทางได้ยิน หรือหูหนวก และการมองเห็น โดยผู้ที่บกพร่องทางการมองเห็น ก็จะใช้ข้อความเสียงเป็นตัวสื่อสาร ในขณะที่ผู้ที่บกพร่องทางการได้ยิน ก็จะมีอุปกรณ์พิเศษที่จะช่วยพัฒนาในเรื่องของเสียง ซึ่ง Apple ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตชั้นนำของโลก ในการผลิตอุปกรณ์เสริมเหล่านี้อีกด้วย
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจบน iOS 6
นอกจาก iOS 6 จะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ในส่วนของฟีเจอร์ที่เคยเป็นที่นิยมบน iOS 5 ได้ถูกต่อยอดมายัง iOS 6 เช่นเดียวกันครับ นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มเติมบางฟีเจอร์เพิ่มเข้ามาด้วย ดังนี้
- Find My iPhone สำหรับติดตามหา iPhone ที่ผู้ใช้งานได้ทำหล่นหาย หรือถูกขโมยไป
- Find My Friend แชร์ตำแหน่งของเพื่อน ครอบครัว หรือบุคคลสำคัญ บนแผนที่ เพื่อที่จะได้รับรู้ว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน
- App Store, iTunes Store และ iBookstore ออกแบบใหม่ น่าใช้กว่าเดิม
- เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ สำหรับชาวจีน ไม่ว่าจะเป็น วิธีการพิมพ์ภาษาจีนแบบใหม่ที่พิมพ์ได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน สามารถพิมพ์อักษรพินอิน และภาษาอังกฤษได้ โดยที่ไม่ต้องสลับภาษา, เพิ่ม Dictionary, เพิ่มการจดจำภาษาจีนแบบ handwriting และเพิ่มออปชั่น built-in กับเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆ ในประเทศจีน เช่น Baidu, Youku, Tudou และ Sina Weibo

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 6
สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถอัพเดท iOS 6 มาใช้งาน ได้แก่
iPhone 3GS
iPhone 4
iPhone 4S
- iPod Touch Gen 4
iPad 2
The new iPad (iPad 3)

 ใครที่ไปดาวน์โหลดมาแล้วอย่าลืมมาแชร์กันด้านล่างด้วยนะครับว่าชอบอะไรและไม่ชอบอะไร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือ บั๊ค ต่างๆถ้ามีเราจะนำมาเสนอให้รับทราบครับ ติดตามที่นี่นะครับ :)

iOS 6 vs. Android 4.0 ICS vs. Windows Phone 7.5


หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iOS 6 ไปไม่นาน ก็ต้องบอกว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและฟีเจอร์ใหม่ๆให้กับ iOS 6 ทำให้น่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก แต่ว่าคู่แข่งเจ้าอื่นๆทั้ง Android และ Windows Phone ต่างก็มีความสามารถเจ๋งๆที่ต่างออกไปหรือบางอย่างก็ทำได้เช่นกัน ทาง Redmondpie ก็เลยทำตารางเปรียบเทียบความสามารถของระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดของทั้ง 3 เจ้าออกมาให้ได้ดูกันแบบละเอียดยิบเลยทีเดียว ตามตารางด้านล่างนี้เลยครับ
 
ตารางเปรียบเทียบความสามารถของ iOS 6 vs. Android 4.0 ICS vs. Windows Phone 7.5

 

 

แต่ละเจ้าก็จะแตกต่างกันออกไป แล้วเพื่อนๆหล่ะครับ พอได้ดูฟีเจอร์ของแต่ละเจ้ามาเทียบกันจะๆแบบนี้แล้วอยากใช้ระบบปฏิบัติการตัวไหนมากกว่ากัน ^ ^ 

(c) : http://www.siamtab.com/topic/14-06-2012-ios-6-vs-android-4-0-ics-vs-windows-phone-7-5-mango/

iOS 6 ดาวน์โหลด พร้อมวิธีอัพเดท!!!



แอปเปิลได้ปล่อยให้ดาวน์โหลด iOS 6 กันไปแล้วเมื่อวาน และการเปลี่ยนแปลงที่แฟนๆ ได้พูดถึงกันมากสุด คือ ประสบการณ์ใหม่ของคีย์บอร์ด 4 แถว สำหรับใครที่ยังไม่ได้อัพเดท สามารถดาวน์โหลดได้จากลิ้งค์ตรงด้านล่าง แต่ก่อนที่จะอัพเดทนั้น มาดูขั้นตอน ข้อดี ข้อเสีย ของสิ่งที่จะได้มาและเสียไปกันก่อน !!


iOS 6 direct link Dowload


( รองรับ iPhone 3GS , iPhone 4 , iPhone 4S , iPhone 5 ,
iPod touch (4th gen) , iPod touch (5th gen) , iPad 2 ,The new iPad )

Apple iOS 6 for iPhone 3GS
Apple iOS 6 for iPhone 4 (True, AIS, Dtac และเครื่อง GSM อื่นๆ ใช้อันนี้)
Apple iOS 6 for iPhone 4 AT&T
Apple iOS 6 for iPhone 4 Verizon
Apple iOS 6 for iPhone 4S  (True, AIS, Dtac และเครื่อง GSM อื่นๆ ใช้อันนี้)
Apple iOS 6 for iPod Touch 4G
Apple iOS 6.0.0 (iPad 2 Wi-Fi): iPad2,1_6.0_10A403_Restore.ipsw
Apple iOS 6.0.0 (iPad 2 GSM): iPad2,2_6.0_10A403_Restore.ipsw
Apple iOS 6.0.0 (iPad 2 CDMA): iPad2,3_6.0_10A403_Restore.ipsw
Apple iOS 6.0.0 (iPad 2 New): iPad2,4_6.0_10A403_Restore.ipsw
Apple iOS 6.0.0 (iPad 3 Wi-Fi): iPad3,1_6.0_10A403_Restore.ipsw
Apple iOS 6.0.0 (iPad 3 CDMA): iPad3,2_6.0_10A403_Restore.ipsw
Apple iOS 6.0.0 (iPad 3 GSM): iPad3,3_6.0_10A403_Restore.ipsw

*** การอัพเดท iOS 6 ผ่าน iTunes อาจมีปัญหาและไม่สำเร็จ หากสัญญาณอินเตอร์เนตขัดข้อง และไม่แรงพอ จึงควรโหลดไฟล์ดิบด้านบนมาลงเครื่องก่อน และหากทำการดาวน์โหลดผ่านบราวเซอร์ อาทิ Firefox Chrome แล้วเป็นไฟล์ .zip ไม่ต้องแตกไฟล์

ให้เปลี่ยนนามสกุลไฟล์แทนเข้าไปที่  My Computer > Tools > Folder options > Tab View ติ๊ก Hide extention for know file types ออก เราจะเห็นนามสกุลของไฟล์ทั้งหมด จากนั้นค่อยเปลี่ยนนามสกุลจาก .zipให้เป็น .ipsw ( สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ )


วิธีการอัพเดท iOS 6


1 .  OTA Update ผ่านตัวเครื่องเลย ไม่ต้อง Backup ทำการเชื่อมต่อ Wi-Fi แล้วเข้าไปที่ Settings > General > Software Update > Download and Install ( สำหรับเครื่อง iOS 5 + เท่านั้น อาจพบบั๊กส์หลังดาวน์โหลด เช่น เปิด wifi ไม่ติด, auto-lock )


2.  ดาวน์โหลด ios6 จากลิ้งค์บนสุดเป็นไฟล์ .IPSW มาเก็บไว้ก่อน กดปุ่ม Shift +  Update บน iTunes จากนั้นเลือกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา  แล้วอัพเดทจนเสร็จ

เปิด iTunes กดปุ่ม Shift +  Update

เลือกไฟล์ที่ iOS 6 ที่ดาวน์โหลดไว้

จิ้ม Update

พัก…จิบกาแฟ ><

เสร็จแล้ว กด OK เพื่อรีสตาร์ท

3. โหลดไฟล์ iOS 6 จากลิ้งค์ด้านบน ทำการเปลี่ยนนามสกุลหากเป็น .Zip จากนั้นทำการ Backup ด้วยiTunes เสร็จแล้วเชื่อมต่อไอโฟนกับคอมพ์ แล้วทำการ restore original firmware ด้วยการกดปุ่มShift+Restore บน iTunes

เลือกไฟล์ iOS 6 ที่โหลดมาบนเครื่อง กด Open > เลือก Restore > OK > เมื่อเสร็จแล้วให้เลือกไฟล์Restore From Backup of : เพื่อรีสโตรว์ไฟล์ที่ Backup ไว้อีกที .

เปิด iTunes  แล้วกด Shift+Restore

เลือกไฟล์ iOS 6 ที่โหลดมา แล้ว Open

กด Restore

OK

ทำการ Backup ข้อมูลกลับมาเลือก Restore From Backup of :

***  iOS 6 นั้น แนะนำสำหรับผู้ที่ใช้เครื่อง Official unlocked จาก True, AIS, Dtac เจลเบรกหรือไม่ก็ได้ และไม่ซีเรียสกับคีย์บอร์ด 4 แถว ส่วนท่านที่ ไม่อยากได้คีย์บอร์ด 4 แถวนั้น ก็ไม่แนะนำให้อัพเดท รวมถึงผู้ที่ใช้เครื่อง Locked เจลเบรคปลดล๊อคด้วย ultrasn0w ใช้ซิม Gevey หรือ Turbo ผู้ที่ต้องการโหลดแอปฯ ผ่านCydia และผู้ที่ไม่มั่นใจว่าจะอัพเดทผ่าน!!